การเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของเจ้าชายสิทธัตถะ



ณ เมืองกบิลพัสดุ์
ในค่ำคืนอันแสนสงัด เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จประทับยืนที่ระเบียง พระพักตร์อันงดงามทอดพระเนตรไปสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ พระหฤทัยยังคงครุ่นคิดอยู่กับคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ

แม้จะอยู่ท่ามกลางความสุขสะดวกสบายในปราสาทราชวัง แต่กลับมีความรู้สึกบางอย่างที่ขาดหายไป

ขณะนั้นเอง พระนางยโสธราได้เสด็จมา .. เห็นเจ้าชายประทับยืนนิ่ง พระพักตร์ครุ่นคิด ทอดสายพระเนตรออกไปสู่ท้องฟ้าด้วยความกังวลใจ

พระนางจึงตรัสถามว่า "มีสิ่งใดที่หม่อมฉันทำให้หมองพระหฤทัยหรือเพคะ" พระนางยโสธราถามด้วยความอยากทราบถึงพระหฤทัย

เจ้าชายทรงหันมาตรัสตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "อย่ากล่าวอย่างนั้นเลย ยโสธรา ในเมืองนี้ไม่มีใครจะเลิศเลอ ประเสริฐกว่าเธอไม่มีแล้ว"

พระองค์ทรงหยุดครู่หนึ่งก่อนจะตรัสต่อว่า "เพียงแต่เรายังมีเรื่องที่กังวลใจ เพราะวันนี้ เราได้เจอ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนจะต้องเผชิญ.. ."

“ภาพที่ทรงทอดพระเนตรเห็นยังคงแจ่มชัดอยู่ในพระทัย ทั้งชายชรา คนเจ็บป่วย ร่างไร้วิญญาณ และสมณะผู้สงบนิ่ง สิ่งเหล่านี้ได้เปิดเผยความจริงของชีวิตที่ซ่อนอยู่”

พระองค์ทรงตระหนักว่า แม้จะประทับอยู่ในปราสาทราชวัง มีทรัพย์สมบัติมากมาย และมียศถาบรรดาศักดิ์สูงส่ง ก็มิอาจล่วงพ้นความแก่ ความเจ็บ ความตายนี้ไปได้ ด้วยเหตุนี้

พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยออกแสวงหาหนทางที่จะพ้นทุกข์

ด้วยพระทัยอันแน่วแน่ พระองค์จึงทรงหันหลังให้กับปราสาทราชวัง ความสุขสะดวกสบาย และจากครอบครัวที่แสนอบอุ่น ต้องเผชิญต่อสู้ต่อความเหน็บหนาว ทรงอดทนต่อความร้อน และความยากลำบากในการแสวงหาหนทางแห่งการพ้นทุกข์ อย่างเด็ดเดี่ยว

ตลอดระยะเวลาหกปีแห่งการแสวงหา ผ่านบททดสอบและบทเรียนแห่งความยากลำบากมากมาย จนในที่สุดพระองค์ทรงค้นพบทางสายกลาง ซึ่งมิใช่การทรมานตน หากแต่เป็นหนทางแห่งปัญญาอันแท้จริง


ใต้ร่มศรีมหาโพธิ์ในคืนเพ็ญเดือนหก แสงสว่างแห่งปัญญาได้ผุดขึ้นในพระหฤทัยของพระองค์ พระองค์ทรงตรัสรู้ เข้าใจถึงสัจธรรมแห่งชีวิต รู้แจ้งในอริยสัจ ๔ และ หนทางแห่งการพ้นทุกข์

นับแต่นั้นมา พระองค์จึงได้รับการขนานนามว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทโธ หรือที่เรารู้จักกันว่า พระพุทธเจ้า หลังจากการตรัสรู้ พระองค์ได้ทรงอุทิศพระวรกายโปรดสั่งสอนเวไนยสัตว์และแก้ไขความเห็นผิดให้แก่สรรพสัตว์ ทรงชี้ทางสว่างให้แก่ผู้คนทุกชนชั้นวรรณะ ..

ทุกคน ทุกชนชั้นล้วนแล้วแต่มีโอกาสได้ดื่มอมฤตแห่งธรรม ด้วยน้ำพระหฤทัยอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาที่หาประมาณมิได้

แม้กาลเวลาจะผ่านพ้นไปนานเพียงใด แสงสว่างแห่งธรรมของพระองค์ก็ยังคงส่องนำทางผู้คนให้พ้นออกจากทุกข์มาจนถึงทุกวันนี้

“ตัวของลูกเองก็ได้รับประโยชน์จากธรรมของพระองค์
ได้เห็นทางพ้นจากความทุกข์ด้วยแสงสว่างแห่งธรรมของพระองค์”

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง

พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้ ที่พึ่งอื่นยิ่งกว่านี้ของข้าพเจ้าไม่มี
-----------------------
#พระอาจารย์ตะวัน_ปัญญาวัฒฑโก
#พระอาจารย์ตะวัน #สำนักสงฆ์ถ้ำแจ้ง
#เรื่องเล่าพุทธประวัติ