…ในวัยหนุ่ม ชีวิตของพระอาจารย์ตะวันดำเนินไปเหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่หลงระเริงในความสนุก ชีวิตกลางคืนคือความสุข การนอนดึกตี 1 ตี 2 เป็นเรื่องปกติ การเรียนไม่เคยอยู่ในความสนใจ บ่อยครั้งที่ท่านทำให้แม่ต้องร้องไห้เมื่อได้รับจดหมายจากโรงเรียนแจ้งว่าลูกไม่มาเรียน
"ภาพที่ทำให้แม่เสียใจก็ปรากฏขึ้นมา ภาพที่เราเคยไปเที่ยวเล่นด้วยความคึกคะนอง... แม่อ่านจดหมายร้องไห้ ก็เห็นน้ำตาของแม่... แม่ต้องทุกข์ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ในตอนนั้น ท่านไม่เข้าใจความรู้สึกของแม่เลย กลับคิดว่านี่เป็นเรื่องปกติ เพราะเพื่อนๆ ก็ทำแบบนี้กัน การใช้ชีวิตหมุนไปตามกระแสความสนุกสนาน โดยไม่เคยคิดถึงหัวอกของผู้มีพระคุณอย่างพ่อแม่เลย ⏳⌛️
📞 สายโทรศัพท์จากแม่ สายนั้น “เป็นจังได๋บ้างหนอลูก.. สู้ๆเด้อ แม่อยู่ข้างๆลูกเสมอนั่นละ” จุดเปลี่ยนในชีวิตที่เริ่มเหนื่อยล้าสู่การตัดสินใจอยากจะบวชให้แม่สัก 1 พรรษา โดยคิดเพียงว่าอยากตอบแทนคุณท่านสักครั้งหนึ่ง .. “เรานี่มันโตแต่ตัว ไม่ต่างอะไรจากควายตัวนึง เราไม่เคยรู้เลยเหรอว่าแม่เป็นห่วงเราขนาดไหน”
แล้วโชคชะตาหรือเหตุอันใดไม่อาจทราบ .. กลับนำพาให้ท่านได้มาบวชในวัดของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ที่มีการปฏิบัติภาวนาอย่างเข้มข้น และยังได้พบกัลยาณมิตรที่เกื้อหนุนกัน "ครูบายา" ‘ท่านเคยพิจารณาอะไรบ้างไหม? ครูบาเอ่ยถาม’ พระอาจารย์ในตอนนั้นที่ยังไม่เคยศึกษาธรรมะมาก่อนเลยก็ได้ครูบายาผู้นี้แหละคอยแนะนำในเรื่องต่างๆ เช่น ให้รู้จักประวัติของพระอริยสงฆ์เจ้า ประวัติพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ความศรัทธาที่ครูบายามีต่อพระอริยสงฆ์ทำให้ท่านเริ่มฉุกคิดและตั้งคำถามกับตัวเอง 🌥️
"ศาสนายังมีครูบาอาจารย์ที่ท่านงดงามอยู่ขนาดนี้ ถ้าศาสนาไม่ดีจริงเนี่ย จะอยู่มาถึงพวกเราได้ยังไง? ...”
⭐ จากคำถามสู่การเริ่มต้นปฏิบัติ ในตอนนั้นแม้แต่การนั่งสมาธิเพียง 5 นาที ก็รู้สึกยาวนานราวกับเป็นปี จิตใจวอกแวกคิดถึงอดีต กลัวสิ่งรอบตัว ทั้งกลัวงู กลัวผี กลัวสัตว์มีพิษ การจะออกไปเดินจงกรมยังต้องใช้เวลาตัดสินใจนานถึง 3 วัน
"จะให้ลงไปเดินจงกรมเนี่ย มันคิดอยู่ 3 วันเลย... ตอนแรกก็ไม่รู้ มันก็ว่าเอ้ย เดี๋ยวจะลงไปเจองูบ้าง จะลงไปเจอผีบ้าง จะไปเหยียบสัตว์ร้ายสัตว์มีพิษ มันก็มาสกัดกั้นหมดเลย ไม่ยอมให้ลงไปทำความเพียร"
แต่แล้วท่านก็เกิดข้อสังเกตที่น่าสนใจ: "พอมองย้อนกลับมาดู เอ้า แล้วเวลาที่เราไปเที่ยวอย่างเงี้ย มันไกลนะ... แต่ทางเดินจงกรมอยู่แค่ข้างกุฏิเอง แค่ลงไปเดินอยู่ข้างกุฏิ ทำไมมันยากจังเลย? ตอนที่เราอยู่บ้าน เรากลับไปเที่ยวได้ไกลๆ แบบไม่มีความกังวล"
⛅️ จากการสังเกตนี้ ท่านได้ค้นพบสัจธรรมสำคัญที่ว่า "คนดีทำดีทำง่าย คนดีทำชั่วทำยาก / คนชั่วทำชั่วทำง่าย คนชั่วทำดีทำยาก" ซึ่งนั่นทำให้ท่านเริ่มเห็นความจริงของตัวเอง
"เพิ่งมารู้ตัวเองว่าตัวเองเป็นคนชั่ว เมื่อก่อนเราเข้าใจว่าตัวเป็นคนดีอยู่ตลอดเวลา... ถ้าให้สุรายาเมา เที่ยวเล่น โอ้โห ถนัดนะ ไม่ต้องคิดเยอะขนาดนี้ แต่พอให้ลงไปเดินจงกรม นั่งสมาธิ เนี่ย โอ้โห เอาไว้ก่อน เอาไว้ก่อน ไม่เอา ไม่เอา"
ผ่านการปฏิบัติและการเรียนรู้ ท่านได้ค้นพบความจริงอันลึกซึ้ง จากที่เคยเป็นเหมือน "คนตาบอดที่เดินอยู่ริมหน้าผา" ท่านค่อยๆ เห็นแสงสว่างแห่งธรรม เข้าใจถึงคุณค่าของพระธรรมคำสอน และซาบซึ้งในพระปัญญาของพระพุทธองค์
"มาย้อนเห็นชีวิตที่ผ่านมา... ไม่ต่างจากคนตาบอดจริงๆ คนตาบอดที่เดินอยู่ริมหน้าผา คือเราไม่รู้เลย เราไม่เคยใคร่ครวญไต่ตรองเลยว่าเหตุแห่งกรรมและผลของกรรมเป็นอย่างไร เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยความไม่รู้ มืดมน" 🌋
จากวัยรุ่นที่ไม่เคยรู้จักพระพุทธศาสนา สู่ผู้ที่ซาบซึ้งในพระธรรม ท่านได้ประจักษ์ในความจริงที่ว่า:
"โอ้ ทางที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ชอบแล้ว พระธรรมคือธรรมที่พระบรมศาสดาตรัสไว้ชอบแล้ว ค้านไม่ได้เลยนะ ทั้งเบื้องต้น ทั้งท่ามกลาง ทั้งที่สุด สมควรแล้วล่ะที่เหล่าเทวดามนุษย์บัณฑิตทั้งหลายยกย่องสรรเสริญ สักการะบูชา โอวาทธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเลิศเลอประเสริฐจริงๆ"
การเปลี่ยนแปลงของท่านจึงไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนแปลงภายนอก แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งภายในจิตใจ จากความมืดสู่ความสว่าง จากความไม่รู้สู่ปัญญา จากการทำให้แม่เสียน้ำตาสู่การเป็นศิษย์ผู้สืบทอดพระธรรม 🙏🙏🙏
ท่านยังสอนอีกว่า "สนามรบที่แท้จริงคือใจตนเอง" เราไม่ได้ต่อสู้กับใคร แต่รบกับกิเลสภายในใจ: "มันจะมีฉากมายามากั้นเราไว้ ความเกลียด ความกลัว ความโลภ ความอยากได้ ความอาฆาตผูกโกรธ ความไม่รู้... เราเรียนรู้ในการฝ่าฟันต่อสู้กับสิ่งที่มันนอนเนื่องอยู่ในใจเรานี่เอง สนามรบไม่ได้อยู่ภายนอก สนามรบอยู่ภายในใจเรา" ⚔
การปฏิบัติธรรมคือการเรียนรู้ข้อผิดพลาดของตนเอง ไม่มีภาษาที่จะอธิบายได้ ต้องเห็นด้วยตนเอง เมื่อรู้สึกตัว จะเห็นโทษของตัวเอง เห็นอารมณ์ของตัวเอง และนี่คือจุดเริ่มต้นของการพัฒนา 🌤️
เรื่องราวของพระอาจารย์ตะวันเป็นแรงบันดาลใจให้เราเห็นว่า ไม่ว่าจะเคยหลงมามากเพียงใด หากมีศรัทธา มีความตั้งใจจริง ได้พบกัลยาณมิตร และมีความเพียรในการฝึกฝนตนเอง การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ เรื่องราวของท่านจึงเป็นประจักษ์พยานที่ชัดเจนว่า ..
“หนทางแห่งธรรมนั้นเปิดกว้างสำหรับทุกคน ทุกๆคนย่อมสามารถพบแสงสว่างได้เสมอ ดังเช่นที่ท่านได้พบ จนกลายมาเป็นผู้นำทางให้ผู้หลงในความมืด สมดั่งนามของท่าน "ตะวัน" ผู้เปล่งประกายแสงธรรมนำพาใจผู้คนให้พ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ ” ☀️
🌟 ข้อคิดที่ลึกซึ้งจากเรื่องราวของท่าน:
1. ไม่มีใครสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นใหม่ แม้จะเคยหลงผิดมาก่อน แต่หากมีความตั้งใจจริง การเปลี่ยนแปลงย่อมเป็นไปได้
2. กัลยาณมิตรเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต บางครั้งเพียงคำแนะนำหรือแบบอย่างที่ดี อาจเปลี่ยนชีวิตคนได้ทั้งชีวิต
3. ความกตัญญูเป็นรากฐานของความดีทั้งปวง บ้านที่มีความกตัญญูคือบ้านที่มีความสุข ความร่มเย็น
4. การเปลี่ยนแปลงตัวเองต้องเริ่มจากการยอมรับความจริง มองเห็นข้อบกพร่องของตน และมีความกล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลง
5. สนามรบที่แท้จริงอยู่ภายในใจ การชนะใจตนเองคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
6. โอกาสที่เราจะเกื้อกูลประโยชน์ให้มันเกิดประโยชน์ต่อกัน เราไม่เคยมองเห็นมันเลย จนกว่าเรามารู้ว่าทุกอย่างมันไหลไปสู่ความพลัดพรากทั้งหมด
รับชมฉบับเต็มได้ที่:
https://www.youtube.com/watch?v=uFqdFcqht2E
-------
#พระอาจารย์ตะวัน_ปัญญาวัฒฑโก
#พระอาจารย์ตะวัน #สำนักสงฆ์ถ้ำแจ้ง
#ธรรมะ #การปฏิบัติธรรม #ธรรมบุตร